วิธีแต่งตั้งพระสังฆาธิการชั้นเจ้าคณะ
***************

              พระสังฆาธิการชั้นเจ้าคณะ ซึ่งหมายถึง รองเจ้าคณะตำบลถึงเจ้าคณะใหญ่ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบในเขตปกครองคณะสงฆ์ ทั้งโดยตรงและโดยการมอบหมายอำนาจหน้าที่ นับว่าเป็นผู้มีความสำคัญต่อการคณะสงฆ์และการพระศาสนาและเป็นกำลังที่สำคัญของมหาเถรสมาคม ดังนั้น มหาเถรสมาคมจึงได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งไว้เป็นชั้น ๆ มีข้อควรศึกษาดังนี้              ๑. คุณสมบัติทั่วไป ตามความในข้อ ๖ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔              ๒. คุณสมบัติโดยเฉพาะ                    ๒.๑ ชั้นหน ตามความในข้อ ๗                    ๒.๒ ชั้นภาค ตามความในข้อ ๑๐                    ๒.๓ ชั้นจังหวัด ตามความในข้อ ๑๔                    ๒.๔ ชั้นอำเภอ ตามความในข้อ ๑๘                    ๒.๕ ชั้นตำบล ตามความในข้อ ๒๒              ๓. ผู้คัดเลือกเสนอ ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด              ๔. ผู้แต่งตั้ง                    ๔.๑ ชั้นหน, ชั้นภาค - ชั้นจังหวัด - สมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม                    ๔.๒ ชั้นอำเภอ เจ้าคณะภาคแต่งตั้งโดยอนุมัติของเจ้าคณะใหญ่                    ๔.๓ ชั้นตำบล                        ๔.๓.๑ กรณีตามปกติ เจ้าคณะจังหวัดแต่งตั้ง                        ๔.๓.๒ กรณีที่ขาดคุณสมบัติ เจ้าคณะจังหวัดแต่งตั้ง โดยอนุมัติของเจ้าคณะภาค
ข้อสังเกต
              คุณสมบัติเฉพาะ ของผู้จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่นั้น กำหนดตายตัว มิได้ให้ผ่อนผัน ไม่ว่ากรณีใด ๆ คุณสมบัติ ของผู้จะดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะตำบล ถึง เจ้าคณะภาค ที่กำหนดโดยชัดเจน ขาดมิได้เฉพาะใน (๑) แห่งข้อนั้น ๆ คือ พรรษาขาดมิได้ ส่วนใน (๒) (๓) หรือ (๔) หากหาไม่ได้ หรือได้แต่ไม่เหมาะสม ให้พิจารณาผ่อนผันได้เฉพาะกรณีโดยต้องขออนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติก่อนจึงค่อยแต่งตั้ง
วิธีปฏิบัติ              ให้ผู้มีอำนาจคัดเลือก พิจารณาคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติ เสนอตามลำดับเพื่อผู้มีอำนาจแต่งตั้งพิจารณาแต่งตั้ง การแต่งตั้งต้องแต่งตั้งพระภิกษุตามเสนอนั้น อย่าแต่งตั้งผู้ไม่ถูกคัดเลือกเสนอ แม้จะมีผู้เสนอก็อย่าแต่งตั้งพระภิกษุผู้ขาดคุณสมบัติ เว้นแต่ได้รับการพิจารณาผ่อนผันเฉพาะกรณี ให้ออกคำสั่งแต่งตั้งและมีตราตั้ง มิใช่แต่งตั้งด้วยวาจา
              เมื่อแต่งตั้งแล้ว ต้องรายงานการแต่งตั้งต่อผู้บังคับบัญชาเหนือตนและแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อการทะเบียนและการอุปถัมภ์ และแจ้งผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อการปฏิบัติงานร่วมกัน เฉพาะการแต่งตั้งเจ้าคณะตำบลและรองเจ้าคณะตำบล หากจะแจ้งเจ้าคณะภาคเพื่อรับทราบและขอให้เจ้าคณะภาคแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วยก็ได้ 
              เมื่อแต่งตั้งเสร็จอย่าเก็บเรื่องเฉยเสีย เพราะการรายงานผู้บังคับบัญชาเหนือตน ก็เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้ตรวจการปฏิบัติและรับรองความถูกต้อง การแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็เพื่อการทะเบียนและการอุปถัมภ์ จึงมีข้อกำหนดให้แจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติภายใน ๓๐ วัน การแต่งตั้งแล้วไม่รายงานผู้บังคับบัญชาก็ดี ไม่แจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี ย่อมเป็นการละเมิดจริยาฐานไม่เอื้อเฟื้อต่อกฎมหาเถรสมาคม ย่อมมีความผิดโดยแท้ ข้อนี้ต้องสังวร